ถึงแม้ว่า 2 ตัวนี้จะมีชื่อที่ใกล้กัน แถมสลับหน้าหลังอีก แต่ความสามารถมันแตกต่างกันอยู่ ไปเจอบทความหนึ่งมาเลยเอามาโน๊ตเก็บไว้สักหน่อย
AI Agents และ Agentic AI คืออะไร?
ก่อนที่เราจะลงรายละเอียด เรามาเริ่มจากพื้นฐานกันก่อน
Agentic AI คือ อะไร?
Agentic AI เป็นประเภทของ AI ที่เน้นเรื่องความเป็นอิสระ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถตัดสินใจ ลงมือทำ และแม้กระทั่งเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมายเฉพาะได้ มันก็เหมือนกับการมีผู้ช่วยเสมือนที่สามารถคิด วิเคราะห์ และปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องมีการชี้นำตลอดเวลา Agentic AI ทำงานใน 4 ขั้นตอนหลัก:
- Perception: มันจะรวบรวมข้อมูลจากโลกที่อยู่รอบตัวมัน
- Reasoning: มันจะประมวลผลข้อมูลนี้เพื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
- Action: มันจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรตามความเข้าใจของมัน
- Learning: มันจะพัฒนาและปรับตัวตามกาลเวลา เรียนรู้จากข้อเสนอแนะแต่ละอย่างและประสบการณ์
สิ่งนี้ทำให้ AI แบบ Agentic มีความเป็นอิสระสูงและสามารถจัดการกับงานที่ซับซ้อนซึ่งต้องการการใช้เหตุผล การแก้ปัญหา และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้
AI Agent คือ อะไร
ในทางกลับกัน Agent AI มักถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานเฉพาะเจาะจง มันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเราในบางอย่าง เช่น การตอบคำถาม การจัดระเบียบปฏิทินของเรา หรือ แม้แต่การจัดการอีเมลของเรา
Agent AI เก่งในการทำงานอัตโนมัติที่เป็นงานง่ายๆ และซ้ำซาก แต่ไม่มีความเป็นอิสระหรือความสามารถในการตัดสินใจเหมือนกับ Agentic AI มันจะเป็นผู้ช่วยที่ทำตามที่เราบอกให้ทำโดยไม่คิดเอง
มันความแตกต่างอย่างไร?
ถึงแม้ว่า AI Agents และ Agentic AI จะใช้พลังจากปัญญาประดิษฐ์เหมือนกัน แต่มันทำงานในลักษณะที่แตกต่างกันมาก ตามตารางนี้เลย

เราได้เห็นทั้งสองตัวนี้แล้ว?
ทั้ง Agentic AI และ AI Agents เริ่มเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว และ การใช้งานของมันกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราจะเห็นได้ในหลายๆ บริษัทนำมาใช้งานแล้ว ต่อไปนี้เป็น use case การใช้งานในโลกความเป็นจริง
Agentic AI in Action
ตัวอย่างของการนำ Agentic AI มาใช้ได้
- Self-Driving Cars: ในรถยนต์อัตโนมัติ ระบบ AI จะรับรู้สิ่งแวดล้อมต่างๆ แล้วนำมาใช้ในการตัดสินใจในการขับขี่ อีกทั้งมันยังเรียนรู้จากทุกๆ การเดินทาง เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันจะเก่งขึ้นในการนำทาง และ จัดการกับความท้าทายใหม่ๆ บนถนน ตัวอย่าง เช่น Full Self-Driving system ของเทสลา มันเป็นตัวอย่างของ AI ที่มีความสามารถในการปรับตัว ซึ่งเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมการขับขี่อย่างต่อเนื่อง และ ปรับพฤติกรรมของตัวมันเองเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- Supply Chain Management: Agentic AI กำลังช่วยบริษัทต่างๆ ในการปรับปรุง Supply Chains ขอบริษัทเหล่านี้ โดยมันสามารถช่วยในการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างอิสระ คาดการณ์ความต้องการล่วงหน้า และ ปรับเส้นทางการจัดส่งแบบเรียลไทม์ AI สามารถทำให้การดำเนินงานราบรื่น และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือ จะเป็นการใช้งานของ robots ในคลังสินค้าของ Amazon ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่ง robots เหล่านี้ สามารถเข้าไปทำงานในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ปรับตัวเข้ากับสภาพต่างๆ และ เคลื่อนย้ายสินค้าในคลังสินค้าได้อย่างอิสระ
- Cybersecurity: ในโลกของ cybersecurity นั้น ก็ได้นำเอา Agentic AI มาใช้งานแล้วเหมือนกัน ซึ่ง Agentic AI สามารถตรวจจับภัยคุกคาม และ ช่องโหว่ โดยการวิเคราะห์กิจกรรมเครือข่าย และ ตอบสนองต่อการละเมิดที่อาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และเรียนรู้จากภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์
- Healthcare: ในด้านการดูแลสุขภาพ AI กำลังเข้าไปมีบทบาทสำคัญ เช่นกัน Agentic AI สามารถช่วยในการวินิจฉัย แนะนำการรักษา และ การจัดการดูแลผู้ป่วย วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ระบุรูปแบบ และ ช่วยให้แพทย์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Watson Health ของ IBM ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพจำนวนมหาศาล เรียนรู้จากข้อมูลใหม่เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
AI Agents in Action
ตัวอย่างของการนำ AI Agents มาใช้ได้
- Customer Support: หนึ่งในวิธีการใช้งาน AI Agents ที่พบบ่อยที่สุด คือ ในงานบริการลูกค้า ซึ่งมีมาหลายปีแล้ว ก่อนที่จะมี AI Agents เข้ามา ซึ่งตัวแชทบอทสามารถตอบคำถาม แก้ไขปัญหา และ แนะนำลูกค้าผ่านกระบวนการต่างๆ ได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้ธุรกิจของเราตอบคำถามของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน AI ที่จัดการกับปัญหาทั่วไป และ ปล่อยให้ตัวแทนที่เป็นมนุษย์ มีเวลามากขึ้นสำหรับงานที่ซับซ้อนกว่า
- Personal Assistants: จริงๆ แล้วเราอาจจะมีการปฏิสัมพันธ์กับ AI Agents ทุกวันอยู่แล้ว ถ้าเราใช้ผู้ช่วยเสียงอย่าง Siri หรือ Google Assistant มันสามารถช่วยคุณตั้งเตือนความจำ ตรวจสอบสภาพอากาศ หรือ เล่นเพลงโปรดของเรา หรือจะเป็นพวกงานที่มีประโยชน์แต่ไม่ต้องการการตัดสินใจมากนัก AI Agents เหล่านี้จะพึ่งพาคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และ เก่งในการจัดการงานง่ายๆ ที่ทำซ้ำ
- Email Management: ช่วงหลังๆ มาเราจะเห็นการนำเอา AI Agents มาใช้สำหรับการจัดการกล่องจดหมาย มันสามารถจัดเรียงอีเมล ทำเครื่องหมายอีเมลที่สำคัญ และ แม้กระทั่งให้คำตอบอัจฉริยะ เพื่อประหยัดเวลาให้เราได้ ฟีเจอร์ Smart Compose ของ Gmail ของ Google ที่นำ AI Agent มาช่วยให้ผู้ใช้ตอบอีเมลได้เร็วขึ้น โดยการแนะนำวลีตามบริบทต่างๆ
- Productivity Tools: เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot เป็น AI Agents ที่ช่วย developer โดยการแนะนำโค้ด และ ช่วยในการ debugs มันเหมือนกับการมีตาคู่ที่ 2 ที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ (pair programming) โดยการเสนอคำแนะนำโค้ดแบบเรียลไทม์ AI Agents ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ developer ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่ด้านสร้างสรรค์ของงานได้มากขึ้น
สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ AI Agents Set to Dominate in 2025
อนาคตของ Agentic AI และ AI Agents?I จะเป็นอย่างไร?
เราคงรู้กันแล้วว่า AI เข้ามาในชีวิตเราแน่ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
The Benefits
- Revolutionizing Industries: ทั้ง Agentic AI และ AI Agents กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นจริง หรือ การทำให้บริการลูกค้าเป็นอัตโนมัติ AI กำลังทำให้ทุกอย่างมีประสิทธิภาพ และ คุ้มค่ามากขึ้น
- Better Decision-Making: Agentic AI มีศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ระบุรูปแบบ และตัดสินใจที่มักจะแม่นยำกว่ามนุษย์
- Personalization: ในอุตสาหกรรม เช่น การเงิน AI สามารถให้บริการ personalized services ที่ปรับแต่งได้ตามแต่ละบุคคล อีกทั้งยังสามารถปรับคำแนะนำทางการเงิน หรือ กลยุทธ์การลงทุนตามข้อมูล และ การคาดการณ์แบบเรียลไทม์
The Risks and Challenges
- Job Displacement: AI จะเข้ามาแทนที่งานมากขึ้น หลายๆ คนเริ่มมีความกลัวเกี่ยวกับการสูญเสียงานในภาคส่วนต่างๆ เช่น การบริการลูกค้า การขับรถ และแม้กระทั่งการดูแลสุขภาพ แต่ยังมีศักยภาพที่ AI จะสร้างงานและโอกาสใหม่ๆ ได้ด้วย
- Ethics and Accountability: เมื่อระบบ AI มีความเป็นอิสระมากขึ้น คำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบก็เกิดขึ้น ถ้า AI ที่มีความสามารถในการตัดสินใจผิดพลาด ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? แล้วระบบเหล่านี้ควรมีความโปร่งใสแค่ไหน?
- Data Privacy: ระบบ AI ที่สามารถจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน บริษัทจะปกป้องข้อมูลผู้ใช้ได้อย่างไร และมีมาตรการป้องกันอะไรบ้าง?
ทั้ง AI Agents และ Agentic AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกในแบบที่แตกต่างกัน ในขณะที่
- AI Agents เหมาะสำหรับการทำงานอัตโนมัติซ้ำซาก และ จัดการกับการกระทำเฉพาะเจาะจง
- Agentic AI กำลังผลักดันขอบเขตของสิ่งที่ AI สามารถทำได้โดยการตัดสินใจ เรียนรู้จากประสบการณ์ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ทั้งสองเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของเรา
สุดท้าย AI ยังคงพัฒนาไปเรื่อยๆ เส้นแบ่งระหว่าง AI Agents และ Agentic AI มันอาจเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ ศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้ส่งเสริมซึ่งกันและกันมหาศาล ลองนึกภาพ AI Agent ที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เหมือน Agentic AI ซึ่งจะมอบพลังในการทำงานอัตโนมัติและการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น